ใช้ประโยชน์จาก Project Settings ใน Sublime Text

Armno's avatar image
Published on September 28th, 2016
By Armno P.

Sublime Text ดูเผินๆ แล้วเป็น text editor ธรรมดา แต่จริงๆ แล้ว ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการจัดการโปรเจ็คอยู่อย่างพอเหมาะ อาจไม่ครบครันเท่ากับ IDE ทั่วๆ ไป แต่ก็ถือว่าใช้ทำงานได้ดีเลย ลองมาดูกัน

ปกติเราจะใช้ Sublime Text เปิด folder หนึ่งขึ้นมา แล้วก็ทำงานกับโปรเจ็คนั้น แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถ save folder นั้น เป็น “project” เหมือนกับ IDE ตัวอื่นๆ ได้

Save Project As …

เริ่มจากการเปิด folder ของ project เราขึ้นมาใน Sublime Text ก่อน โดยไปที่เมนู File > Open ... ( + O) แล้วเลือก folder ของ project ขึ้นมา

จากนั้นไปที่เมนู Project > Save Project As ... แล้วเซฟไฟล์ไปนามสกุล .sublime-project

save project ใน sublime text

การสร้าง project ใน Sublime Text จะมีประโยชน์คือ เวลาเราจะสลับไปทำ project อื่น แทนที่จะต้องเปิด folder ของ project ใหม่ทุกครั้งจาก + O เราสามารถ “กระโดด” หรือ switch ไปอีก project หนึ่งได้เลย โดยกด control + + p Sublime Text จะแสดงรายชื่อทุก project ที่เราเคยบันทึกไว้ พอเราจิ้ม project ที่ต้องการ (หรือใช้ arrow key เลื่อนขึ้น-ลง แล้วกด Enter) Sublime Text ก็จะโดดไปอีก project หนึ่งเลย โดยที่เราไม่ต้องไปจำว่า project นั้นอยู่ path ไหนในเครื่องเรา (ตรงนี้สามารถพิมพ์เพื่อ search หา project จากชื่อได้ด้วยนะ)

เปิด project ใน sublime text

Project Settings

การสร้าง project ใน Sublime Text นั้นก็เหมือนการ “เลื่อนตำแหน่ง” ให้ folder ธรรมดา นั้นมีความสามารถมากกว่าเดิม เพราะเมื่อมันเป็น project แล้ว เราสามารถตั้งค่าของ Sublime Text ในแต่ project ให้แตกต่างกันออกไป ตามการใช้งานแต่ละ project ได้

เราสามารถเข้าไปแก้ไข project settings ได้จาก + shift + p แล้วค้นหาคำว่า Project: Edit Project แล้วกด Enter ครับ (หรือจากเมนู Project > Edit Project

edit project ใน sublime text

ตอนที่เพิ่งสร้าง project ใหม่ ใน project settings จะยังไม่มีอะไร มาดูกันว่าเราสามารถตั้งค่าอะไรให้ project ของเราได้บ้าง

folders

folders เป็นการระบุ path ของแต่ละ folder ใน project ซึ่งใน 1 project เราสามารถมีมากกว่า 1 folder ได้ แต่ละ folder นั้นก็มี settings ย่อยไปอีกคือ

{
  "folders": [
    {
      "path": "",
      "name": "",
      "folder_exclude_patterns": [],
      "file_exclude_patterns": [],
      "folder_include_patterns": [],
      "file_include_patterns": [],
      "follow_symlink": true
    }
  ]
}

settings

ส่วนนี้ทำให้เราสามารถ override global settings ของ Sublime Text สำหรับเฉพาะ project นี้ได้ เราสามารถเอา settings จาก global ( + , หรือจากเมนู Sublime Text > Preferences > Settings) มาเขียนใหม่ใน settings ของ project ได้ เช่นอาจจะใช้ font หรือ color scheme ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละ project ก็สามารถทำได้ผ่าน settings ของ project ตรงนี้ครับ

build_systems

เป็นการตั้งค่า build script ของ project อย่างเช่น ant, make หรือแม้กระทั่งฝั่ง frontend อย่าง TypeScript หรือ Gulp ก็ได้ แต่ผมไม่ได้ใช้งานส่วน build tool ของ Sublime Text เลย จึงขอข้ามไปนะครับ หากสนใจ อ่านเพิ่มเติมได้จากบล็อก Addy Osmani: Custom Sublime Text Build Systems For Popular Tools And Languages ครับ

ใช้งาน Project ใน Sublime Text ให้คุ้มค่า

  1. สร้าง project ทุกครั้งเมื่อเริ่มต้น การสร้าง folder ให้เป็น project นอกจากจะได้ทำให้ตั้งค่าต่างๆ ได้ตามใจชอบมากขึ้นแล้ว ก็ยังทำให้เปลี่ยนไป-มา ระหว่าง folder ทำได้ง่ายขึ้นด้วย
  2. สลับไป-มาระหว่าง project + ctrl + p แทนการเปิด folder จาก finder เพราะนอกจากจะไม่ต้องจำ path เองแล้ว ยังเร็วกว่าไปจิ้มจาก finder เยอะ
  3. ใช้ folder_exclude_patterns กับ vendors อย่างพวก node_modules หรือ file ต่างๆ ของ framework ที่เราไม่จำเป็นต้องแก้ไข รวมไปถึง output folder อย่าง dist หรือ _site จะทำให้ Sublime Text index file จำนวนน้อยลง การเปิด file จาก + p แล้วค้นหาจะเร็วขึ้นเยอะเลย
  4. ใช้ file_exclude_patterns เพื่อซ่อนไฟล์ที่ไม่จำเป็นด้วย เช่น ไฟล์ที่เป็น output จาก build tool อย่าง .css หรือ .js (ในกรณีทำงานกับ TypeScript)
  5. ใช้ name ใน settings เพื่อตั้งชื่อให้ folder name จะมีประโยชน์กับ project ขนาดใหญ่ที่อาจจะมีหลายๆ framework ซ้อนๆ กันอยู่ เราสามารถสร้าง “folder จำลอง” โดยระบุ name กับ path ให้กับแต่ละส่วนย่อยของ project ใน sidebar ก็จะแยกกัน ตามดูง่ายดี
  6. เรียง folder ใน sidebar ตามลำดับใน folders ใน project settings ได้ ซึ่งปกติจะเรียงตามตัวอักษรครับ แต่ถ้าไม่ชอบก็ย้ายลำดับจากใน settings ได้

ตัวอย่าง project settings

สำหรับผมแล้ว ฟีเจอร์ Project ของ Sublime Text นั้นถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ได้ใช้บ่อยมาก ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นอยู่พอสมควร ใครมีเทคนิคการใช้ฟีเจอร์ Project เพิ่มเติม มาแนะนำกันได้นะครับ :)

Related posts