ทำไมดวงอาทิตย์ตอนเช้ากับเย็นโตกว่าปกติ
และแล้วเทศกาลลอยกระทงก็ผ่านไปแล้ว ปีนี้ผมก็ไม่เลยกระทงเหมือนทุกๆปี ผมเลิกลอยกระทงมาหลายปีแล้ว เพราะผมมองว่าสมัยนี้คนเขาลอยกันเป็นแฟชั่นซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจขอขมาพระแม่คงคากันอย่างจริงใจ นอกจากนั้น ผมก็ไม่มั่นใจกระทงที่วางขายกันทั่วไป ว่ามันจะไม่ทำลายธรรมชาติจริงๆ ส่วนเรื่องมีคู่ลอยหรือไม่ … ไม่ใช่ประเด็นละกัน
ในทุกๆปี สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในคืนวันลอยกระทง ก็คือพระจันทร์ครับ ผมคิดว่าคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง เป็นคืนที่พระจันทร์สวยที่สุดในรอบปีแล้วล่ะ แต่น่าเสียดายที่ปีนี้ผมไม่มีโอกาสเห็นพระจันทร์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ในคืนวันลอยกระทง เพราะว่าที่เชียงใหม่เมฆตรึมเลยครับ กว่าจะเห็นพระจันทร์ก็ดึกๆนู่น จริงๆแล้วผมชอบมองพระจันทร์ในทุกๆคืน พอๆกับการดูดาวเลยล่ะครับ สำหรับผมแล้ว ไม่มีคืนไหนเลยที่พระจันทร์เหมือนกัน แต่ละคืนมองไป ก็ทำให้คิดอะไรแตกต่างกันไปมากมาย เอาล่ะ สองย่อหน้าแล้วยังไม่เข้าเรื่องเลย
เคยสังเกตเหมือนผมไหมครับ ว่าตอนที่ดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ก็ตาม เวลาโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า หรือตอนใกล้ๆตก ดูเหมือนจะ **“โต๊โต” **กว่าปกติที่อยู่กลางท้องฟ้า ที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นดวงอาทิตย์ตอนใกล้ตกดิน กับดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญนี่แหละ จริงๆแล้วมันมีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ที่เราเห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เมื่ออยู่ใกล้ๆขอบฟ้านั้น เนื่องจากมีวัตถุอื่นอยู่ใกล้ๆ เช่น ภูเขา หรือต้นไม้ เวลาเรามอง สมองเราก็จะนำไปเทียบกับสิ่งที่อยู่ใกล้ๆโดยอัตโนมัติ ขนาดของดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ เมื่อเทียบกับสิ่งรอบๆข้าง เราจึง “รู้สึก” ว่า มันใหญ่กว่าตอนอยู่กลางท้องฟ้า เพราะกลางท้องฟ้านั้นไม่มีอะไรอยู่รอบข้างเลย จึงไม่มีตัวเปรียบเทียบ ซึ่งจริงๆแล้ว ขนาดของดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย
ตามทฤษฎีเขาบอกว่าไว้ว่าแบบนี้แหละครับ แต่สำหรับผมแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังมองว่ามันใหญ่กว่าอยู่ดี เมื่ออยู่ใกล้ขอบฟ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เชื่อตามทฤษฎีนะครับ ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้วล่ะ แต่คงจะมีอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ผมเห็นว่ามันใหญ่จริงๆ อาจจะมีเรื่องของการหักเหของแสง ในชั้นบรรยากาศของโลกมาเกี่ยวข้อง ทำให้ภาพที่ปรากฏมันแปลกไปก็ได้ครับ ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่รู้หรอก ไว้ถ้าหาคำตอบได้จะเอามาบอกละกันครับผม